จากการสอบถาม ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ถึงที่มาของโครงการ มาชิมกัญ หรือ อาหารจากใบกัญชา เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นหน่วยงานที่ศึกษาเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ได้รับอนุญาตให้ปลูก และผลิตยา จากกัญชาอยู่แล้ว ทั้งยาแผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย
สำหรับ "กัญชา" เป็นนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุข ในเฟสแรกอยากให้คนไข้เข้าถึงยา ส่วนเฟสที่สอง อยากให้มีการขับเคลื่อนในเรื่องของเศรษฐกิจ จากกัญชาให้ได้ ประกอบกับมีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อกกัญชาในส่วนของ ใบ ราก ลำต้น ออกจากรายการยาเสพติดให้โทษ เนื่องจากมีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) หรือ สารเมา ในปริมาณค่อนข้างน้อย และมีความปลอดภัยที่จะใช้อยู่พอสมควร น่าจะพัฒนาเป็นโมเดลในเรื่องของการดูแลสุขภาพด้วยกัญชาได้ และเป็นการเพิ่มมูลค่า จึงเกิดเป็นโครงการนี้ขึ้นมา โดยเริ่มจากอาหารก่อน จากนั้นจะค่อยๆ ขยายไปยังเซกชั่นอื่น เช่น สปา การท่องเที่ยว ฯลฯ
ดร.ภญ.ผกากรอง เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวโครงการ "มาชิมกัญ" ไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ปรากฏว่าคนให้ความสนใจอย่างมาก จึงต้องเร่งทำข้อมูลเกี่ยวกับ "กัญชา" ออกมาให้ความรู้ เป็นตัวอย่างแก่ผู้ประกอบการที่สนใจ แม้ว่า "กัญชา" จะมีความปลอดภัย แต่หากดูจากหลักฐานทางวิชาการ ก็อาจจะต้องระมัดระวังในการใช้กับคนบางกลุ่ม และต้องไม่บริโภคมากจนเกินไป
ซึ่งขณะนี้ ได้มีการทำงานร่วมกับองค์กรอาหารและยา (อย.) และสถาบันกลุ่มกัญชาทางการแพทย์เกี่ยวกับการควบคุม หรือกำกับ ให้ข้อมูลความรู้ เพื่อในอนาคตจะได้ใช้สิ่งเหล่านี้ในการคุ้มครองผู้บริโภค
การที่เราเลือก "ใบกัญชา" มาทำเป็นอาหารก่อน เพราะพิจารณาจากปริมาณการใช้ใบกัญชาของคนไทยในอดีต และหลักฐานทางวิชาการที่มีอยู่บ้าง พบว่าส่วนใหญ่จะใช้ใบในการประกอบอาหารเป็นหลัก ซึ่งเราได้ให้ความรู้กำกับว่า ควรบริโภคในปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม และคนกลุ่มใดบ้างที่ควรระวัง
ดร.ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า จากหลักฐานที่มีการตีพิมพ์ มีข้อมูลว่าในกัญชาจะมีสารอยู่ประมาณกว่า 500 ชนิด แต่สารหลักๆ ที่มีการพูดถึงและวิจัยอย่างกว้างขวางก็คือสาร THC หรือ สารเมา และ สาร cannabidiol (CBD)
สำหรับสารตัวที่ต้องกังวลในการใช้ก็คือ THC เนื่องจากสารตัวนี้สามารถเข้าสู่สมอง และมีหลักฐานยืนยันว่า การบริโภคในปริมาณสูง ระยะยาวจะทำให้เสพติด แต่เรายังไม่ทราบถึงปริมาณว่า บริโภคเท่าใดจะทำให้เสพติด และจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าใด เพราะมีปัจจัยในเรื่องของการปรุงอาหาร การดูดซึมของยา รวมทั้งปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ใช้ด้วย ตอนนี้เราจึงต้องให้ข้อมูลประชาชนไปก่อน โดยให้บริโภคตามองค์ความรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิมคือ ไม่เกิน 5 ใบต่อวัน
หน้าที่เข้าชม | 13,358 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,979 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 มิ.ย. 2564 |
ร้านค้าอัพเดท | 31 ส.ค. 2568 |